ธุรกิจกำลังจะเปลี่ยนไป การขายของออนไลน์ ที่ประเทศจีน ไปถึงไหนกันแล้ว?  ตอนที่ 1

 ธุรกิจกำลังจะเปลี่ยนไป การขายของออนไลน์ ที่ประเทศจีน ไปถึงไหนกันแล้ว?  ตอนที่ 1

         ถ้าพูดถึงธุรกิจขายของออนไลน์ในบ้านเราที่คุ้นเคยและใช้บริการก็คงต้องพูดถึง Sopee และ LAZADA ซึ่งแพลยฟอร์มแบบนี้ที่ประเทศจีนกำลังจะกลายเป็นของโบราณไปแล้ว ตอนนี้เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ไอเดียธุรกิจใหม่ๆ กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นอย่างไร วันนี้เราไปฟังข้อมูลจากปากนักธุรกิจคนไทยที่เค้าไปทำธุรกิจที่ประเทศจีนโดยการสัมภาษณ์พิเศษโดย คุณนพ พงศธร ธนบดีภัทรนักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน  อาจารย์ด้านธุรกิจระดับมหาวิทยาลัย และกูรูทางธุรกิจในการนำเสนอเรื่องราวทางธุรกิจที่เป็นประโยชน์กับชีวิตจริงใร นอกห้องเรียนธุรกิจกับความรู้ธุรกิจดีๆกัน

            โดย นอกห้องเรียนธุรกิจวันนี้ ได้มีแขกรับเชิญพิเศษ คุณเปี๊ยก บุญชัย ลิ่มอติบูลย์ นักธุรกิจชาวไทยที่ไปทำธุรกิจที่เมืองจีน และผู้ก่อตั้ง application moomall  ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเมืองจีนโดยไปใช้ชีวิตและไปตั้งครอบครัวที่ประเทศจีนจะมาแบ่งปันเล่าเรื่องราวของโลก อีคอมเมิร์ธ ในประเทศไทยและประเทศจีนนั้นต่างกันอย่างไร และที่จีนเขาก้าวไปถึงไหนกันแล้ว

            อ.นพ ประเทศจีนล้ำหน้ากว่าประเทศไทย 5-10 ปี ดังนั้นจึงอยากถามคุณบุญชัยในฐานะนักธุรกิจที่ไปทำธุรกิจอยู่ในประเทศจีนมาอย่างยาวนาน และประสบความสำเร็จ ว่าอีก 5-10 ปีประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? ตลาดอีคอมเมิร์ธ ของทั้งสองประเทศต่างกันอย่างไร ?

            คุณบุญชัย คงต้องเล่าย้อนให้ฟังก่อนว่า ตอนนี้ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราว่าตอนนี้บ้านเราที่นิยมที่สุดก็คงเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ธ ต่างๆ ซึ่งทีจีนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เก่าแล้ว นี่ผมหมายถึง Sopee และ LAZADA ที่บ้านเราเป็น NO.1  และที่เมืองจีนที่ยังเป้น NO.1 อยู่ แต่ถือว่าเป็นโทเดลที่เก่าแล้วในขณะที่พวเรากำลังตื่นตัวกับ Sopee และ LAZADA แต่ที่จีนเป็นของโบราณไปแล้ว ที่เมื่องจีนก็จะมี TMALL อันดับหนึ่ง JD.COM อันดับ 2 และ PINDUODIO เป็นอันดับ 3 ซึ่งตัวที่ 3 นี่มาแรงมากในช่วง 5-6 ปรหลัง

โดยที่เมื่องจีนแต่ละแพลตฟอร์มเขาจะมีคาเร็คเตอร์ มีวิธีทำการตลาดของตัวเอง มีความโดเด่นของตัวเอง อย่างเช่น Taobao.com ซึ่งเป็นของ อาลีบาบาคือของ แจ๊คหม่า ก็จะคล้ายกับ Lazada ,Shopeeบ้านเราคือมีสินค้าที่หลากหลาย มีทั้งบุคล ทั้งบริษัทเอาสินค้าเข้ามาขาย ส่วน JD.com

เขาจะเน้นสินค้าที่ใช้กับบ้านเรือน เช่นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าที่ต้องการการบริการ คือJD จะขึ้นชื่อเรื่องการขนส่งที่รวดเร็วมาก และการบริการที่ดีมาก รวมไปถึงอุปกรณืออฟฟิศ หลายคนก็มักจะชอบสั่งกับ JD ส่วย Pinduoduo ซึ่งแซงหน้าเบอร์ 3 เมื่อก่อนคือ Vip.com ซึ่งเป็นสินค้าแฟชั่นที่หลากหลายขึ้นมาให้เราเลือก แต่มันจะมีโปรโมชั่นแค่วันนั้นวันเดียว

เราไม่สามารถค้นหาสินค้าได้ จะมีแค่รายการที่มีอยู่ พอวันรุ่งขึ้นสินค้าทั้งหมดก็จะเปลี่ยนไป ทำให้ลูกค้าอยากจะเข่ามาดูดิวใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นกลยุทธทางการตลาดของเค้า แต่ Pinduoduo ที่ครองอันดับ 3 ในปัจจุบัน เขาใช้เวลาเพียง 5-6 ปี รายนี้เด็ดมาก

เพราะว่าเจ้าของ ตอนนี้มีทรัพย์สินมากกว่าแจ๊ดหม่าซึ่งเป็นเจ้าขอ Taobao.com อีก เพราะเขาถือหุ้นของ Pinduoduo ค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่ได้บอกว่า Lazada ,Shopee เค้าเล็กนะครับ เค้าก็ยังใหญ่อยู่ เพียงแต่ว่ามันมีรูปแบบใหม่ๆที่เกิดขึ้นมา เพราะที่ประเทศจียมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และแต่ละธุรกิจมีการเติบโตแบบระดมทุน ดังนั้นการที่เราจะไปเสนอแผนธุรกิจที่เป็นโมเดลชนกับยักษ์ใหญ่แน่นอนไม่มีใครมาลงทุนกับเรา

เราก็ต้องมีกลยุทธ์ที่แตกต่างในการดุงลูกค้าเข้ามา อย่างเช่น Pinduoduoที่พูดถึง กลยุทธุ์ของเค้าก็คือการดึงเพื่อนเข้ามาแล้วสินค้าที่เราจะซื้อจะถูกลง ยกตัวอย่างอย่างเช่นสินค้าตัวหนึ่งราคา 8,000 บาท ถ้าซื้อชิ้นเดียว แต่ถ้าเราไปชวนเพื่อนอีก 3 คนมาซื้อคือครบ 4 คนก็อาจจะเหลือราคาชิ้นละ 7,000 บาทมันก็จะกลายเป็นว่าเราอยากได้สินค้าชิ้นนี้เราก็จะส่งลิงค์นี้ไปให้กับใครที่เราคิดว่าเขาอาจต้องการเราก็จะส่งให้เพื่อนคนนั้น มันจึงกลายไปว่าสินค้าวิ่งไปหาคน ไม่ใช่คนมาวิ่งค้นหาสินค้า

            บทนี้เป็นเพียงการปูพื้นฐานเบื้องต้นความรู้ของการตลาดอีคอมเมิร์ธในช่วงที่หนึ่ง ถ้าอยากตามเปิดโลกความรู้กันต่อไปอย่าลืมเตรียมอ่าน บทความเรื่องนี้ในตอนต่อไปนะคะ แล้วเราจะได้เปิดโลกกว้างก่อนใคร

#การขายของออนไลน์ #ลงทุน #เทคนิคการเล่นหุ้น

Our Partner