แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคนิควิธีการเทรดที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเทรดตลาดการเงิน รวมถึงการตัดสินใจลงทุนให้เราอย่างมากมาย แต่มีเทคนิคเทรดหุ้นแบบไหนที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี และยิ่งไปกว่านั้นจะช่วยให้การเทรดของเรามีความเสี่ยงน้อยที่สุด จึงขอแนะนำวิธีการเทรด และข้อมูลที่สำคัญที่อาจจะมีประโยชน์ให้ลองนำไปปรับใช้กันดู

6 ประเภทของเทคนิคการเทรดให้ได้กำไรมากที่สุด
1. แบบเดย์เทรด เป็นรูปการณ์การซื้อขายหลักทรัพย์หลาย ๆ ครั้งภายในหนึ่งวัน กรอบเวลาของกราฟที่นิยมมากที่สุดคือ 4 ชั่วโมง 1 ชั่วโมง 30 นาที และ 15 นาที โดยเทรดเดอร์มือใหม่มักจะเลือกแบบนี้เป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากเห็นโอกาสการทำกำไรได้หลายครั้งภายในวันเดียว แม้จะดูเหมือนทำกำไรได้มาก แต่การฝึกให้เก่งและเชี่ยวชาญทำได้ยาก อีกทั้งเสี่ยงที่จะขาดทุนอีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะทำได้ไม่ง่าย แต่หากเรียนรู้เทคนิคและฝึกฝนก็อาจจะเห็นช่องทางมากขึ้น เช่น และตลาดในการเทรดที่มีความเหมาะสม การเลือกตลาดที่มีค่าคอมมิชชั่นและค่าสเปรดต่ำจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เลือกกรอบเวลาที่เราคุ้นเคยกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่ดี และใช้เครื่องมือเข้าออกเทรดที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องยอมรับวงเงินที่จะเสียไปต่อหนึ่งเทรดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะมีแนวโน้มขาดทุนอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ
2. แบบสวิเทรด เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยถือสัญญาเป็นเวลาหลายวันแล้วแต่กรณี ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นการเทรดตามแนวโน้ม มักใช้กราฟราคารายวันในการเข้าเทรดที่มีความสดคล้องกับตลาดโดยรวม เทคนิคที่ได้รับความนิยมคือการใช้อินดิเคเตอร์ โดยแต่ละตัวนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป ส่วนใหญ่เลือกใช่ Stochastic Oscillator, MACD หรือ RSI ในการระบุทิศทางและแนวโน้มของราคา
3. แบบ Position เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ในระยะยาว ซึ่งอาจจะนานเป็นเดือน โดยใช้ข้อมูลจากกราฟรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ในการวิเคราะห์ปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการตัดสินใจลงทุน เป็นการมุ่งหวังผลกำไรและไม่สนใจการขึ้นลงในตลาดในช่วงเวลาสั้น ๆ การเทรดแบบนี้อาจเสียเงินทุนจำนวนเล็กน้อยในหลาย ๆ ครั้งก่อนที่จะได้กำไรในครั้งเดียว เป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
4. แบบอัตโนมัติ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการเทรด ซึ่งจะทำงานตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด จึงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคาเพียงเล็กน้อยแต่ถี่ ๆ และหลาย ๆ ครั้ง แม้ว่าการเทรดหุ้นแบบนี้จะมีความล้มเหลวอยู่บ้าง แต่หากรู้จากใช้ประโยชน์ควบคู่กับการเทรดด้วยตัวเอง มีหลายคนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
5. แบบตามฤดูกาล เป็นการใช้หลักความเป็นไปได้ที่จะเกิดแนวโน้มหรือเทรนด์เดิม ๆ ซ้ำอีกครั้งในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี ซึ่งทำให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมประจำฤดูกาลนั้น ทั้งอากาศ เศรษฐกิจ เป็นต้น จึงเป็นตัวชี้วัดการลงทุนในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
6. แบบการลงทุน ซึ่งถูกออกแบบให้นักเทรดถือสถานะสัญญาซื้อขายระยะยาว จึงมีวิธีการเลือกเทรดได้มากมาย เช่น การลงทุนเน้นหุ้นที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมองหาหุ้นที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตมากที่สุด หรือการลงทุนแบบเน้นหุ้นคุณค่า เพื่อมองหาหุ้นที่คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งมาจากหุ้นของบริษัทที่มีราคาหุ้นที่ต่ำ อาจจะมาจากข่าวไม่ค่อยดี หรือการบริหารจัดการไม่ค่อยดีภายในบริษัท โดยนักเทรดจะต้องรอให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงกลับมาดีขึ้นจึงเข้าไปซื้อขายทันที

แพลตฟอร์เทรดที่ดีก็มีความสำคัญ
แพลตฟอร์มเทรดที่เสถียรและมีความปลอดภัยเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการเทรดหุ้นในตลอดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ซึ่งต้องใช้แสดงกราฟราคาย้อนหลังของตราสารที่กำลังเทรดอยู่ รวมไปถึงข้อมูลคำสั่งซื้อขายที่ได้ส่งข้อมูลไปด้วย อีกทั้งใช้บริหารจัดการเทรดของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้สร้างแพลตฟอร์มทั้งหมดไว้ในที่เดียว เช่น Meta Trader 4-5, Meta Trader Web Trader และ Meta Trader Supreme Edition ที่สร้างขึ้นโดย Admiral Markets ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเทรดมืออาชีพอีกด้วย

เทคนิคในการเทรดหุ้นมีมากมายให้ลองเข้าไปศึกษา ซึ่งที่ได้แนะนำข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการใช้ตัดสินใจลงทุนเท่านั้น ให้ลองนำไปทดลอง ปรับใช้ใช้และฝึกฝนทักษะด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานที่ว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ รวมถึงการควบคุมอารมณ์ของตัวเองในระหว่างเทรดด้วย