ชาวญี่ปุ่น ชาวจีนและชาวเยอรมัน เขาออมเงินกันอย่างไร

ชาวญี่ปุ่น ชาวจีนและชาวเยอรมัน เขาออมเงินกันอย่างไร

การออมเงิน ถือเป็นการวางแผนชีวิตทางด้านการเงินในอนาคตที่สำคัญอย่างยิ่ง  แต่ในวันนี้ เราเอาวิธีการออมเงินของ คนญี่ปุ่น คนจีน และคนเยอรมัน  มาฝากกัน เผื่อว่าคุณจะชอบแนวทางการออมเงินของพวกเขาแล้วนำมาดัดแปลงให้เข้ากับวิธีการออมเงินของตัวคุณเอง 

การออมเงินของชาวญี่ปุ่น

1.คนญี่ปุ่นเป็นคนที่กลัวความเสี่ยง จึงนิยมออมเงินมากจนทำให้เกิดภาวะเงินฝืดในประเทศ แต่นิยมไปลงทุน นอกประเทศ

2.คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะออมเงินจำนวน 25 %ของรายได้

3.คนญี่ปุ่นเน้นการออมเพื่อใช้ในวัยเกษียณ

4.เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดภัยธรรมชาติค่อนข้างรุนแรงหลายครั้ง ทำให้ไม่อยู่ในความประมาท และเตรียมพร้อมกับการฉุกเฉินในเรื่องการเงินตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นจึงประหยัดและเน้นการออมเงินมาก

6.ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีโครงสร้างของสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่สุดในโลก ประเทศจึงมีการระบบ การวางแผนเรื่องกองทุนสำรอง เงินเลี้ยงชีพต่างๆจึงทำได้ค่อนข้างดี

นิสัยการออมเองของคนญี่ปุ่น

1.คนญี่ปุ่นจะกังวลกับความเสี่ยงมากกว่าการออม ดังนั้นการออมเงินโดยฝากไว้ในธนาคารจึงเป็นวิธีการออมเงินหลักของคนในประเทศนี้ ออมมากจนถึงขั้นธนาคารในประเทศต้องลดดอกเบี้ยเงินฝากให้เหลือแค่  0 % เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนอาเงินไปลงทุนให้ได้ค่าตอบแทนมากขึ้นแทน

2.คนญี่ปุ่นจะออมเงินเป็นสองส่วน คือ ออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน แล ออมเพื่อ

เก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล

3.คนญี่ปุ่นนิยมการออมเงินด้วยการทำประกัน จนเป็นประเทศที่มีการทำประกันชีวิตสูงที่สุดในโลก โดยชาวญี่ปุ่นแต่ละคนจะถือกรรมธรรม์ประกันชีวิตหลายฉบับ จึงเป็นประเทศที่มีการแข่งขันธุรกิจประกันที่สูงมาก

การออมเงินของชาวจีน

1. ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีเงินออมมากที่สุดของโลก

2. คนจีนออมเงิน 47 % ต่อเดือน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพออมมากขนาดไหน ก็เช่น ถ้าคนอังกฤษออมเงิน 5,000 ปอนด์ต่อเดือน คนจีนออม 17,000 ปอนด์ต่อเดือน คือ ชาวจีนออมเงินสูงมากกว่ากว่าชาวอังกฤษถึง 4 เท่า

3.คนจีนออมเงินเพื่อวัยเกษียณและยามเจ็บป่วย เหมือนกับคนญี่ปุ่น  สะท้อนให้เห็นถึงสวัสดิการที่ดูแลคนในประเทศที่แตกต่างจากประเทศในแถบยุโรป ทำให้คนจีนออมเงินเป็นนิสัย ไม่นิยมใช้เงินพร่ำเพรื่อ และไม่นิยมแข่งขันในเรื่องของแฟชั่นการแต่งกาย

4..ขาวจีนไม่นิยมความหรูหราในชีวิตประจำวัน จะใช้เงินจะใช้ในโอกาสพิเศษ หรือ สำคัญจริงๆ และต้องคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปด้วย

5.ชาวจีนนิยมออมเงินด้วยวิธีการต่อยอด เช่น การนำเงินก้อนแรกไปลงทุนในตลาดหุ้น หรือ ตลาดทองคำ หรือ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวจีน นิยมทำมาตั้งแต่ในอดีต

6.ชาวจีนยุคใหม่ เพิ่มจุดประสงค์การออมมากขึ้นจากเดิม คือ ออมเพื่อการท่องเที่ยว แต่ไม่ได้เที่ยวเพื่อการผ่อนคลาย แต่เป็นการเดินทางเพื่อหาลู่ทางทำธุรกิจ เพื่อเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้นๆ

7.ชาวจีนพฤติกรรมนิยมใช้บัตรกำนัลต่างๆ ในการช็อปปิ้ง และการกินอาหารมากกว่าการใช้เงินสดจ่าย แตกต่างจากชาวยุโรปที่นิยมใช้บัตรเครดิตมากกว่าเงินสด

นิสัยการออมเงินของแต่ละประเทศบ่งบอกถึงวินัยการเงินและสถานภาพของคนนั้นได้ดี อย่างในประเทศสแกนดิเนเวียที่มีสวัสดิการประชาชนดีมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่นิยมเรื่องการออมเงิน เพราะเรื่องเจ็บป่วย เรื่องการศึกษา   รัฐบาลดูแลอย่างดี ประชาชนจึงมุ่งเน้นเสียภาษีในเปอร์เซ็นต์ที่สูง เพราะถือเป็นการออมในทางหนึ่ง

การออมเงินของชาวเยอรมัน

1.คนเยอรมัน เริ่มออมเงินตั้งแต่อายุน้อย โดยการหาทำงานพิเศษ

2.ไม่นิยมใช้บัตรเครดิต ชอบการใช้จ่ายผ่านเงินสด

3.ชื่นชอบการทำประกัน เพราะกลัวความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นชีวิต

4.คนเยอรมันนิยมออกมเงินโดยทำประกันชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ เพื่อให้เกิดวินัยการออมที่โดนบังคัวตนเองให้ส่งเบี้ยประกัน

5.คนเยอรมันเลือกเก็บเงินออมมากกว่า 70 %ของรายได้ และหารายได้เสริมเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันแทน

6.ชาวเยอรมันมองว่าการออมเงินสำหรับไว้ใช้ในยามฉุกเฉินนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และการออมเงินเพื่อไว้ลงทุน สำหรับไว้ใช้จ่ายใยยามเกษียณนั้นสำคัญที่สุด

8.ชาวเยอรมันต้องจ่ายภาษีเกือบ 50 %ของรายได้

เป็นอย่างไรบ้างคะ? สำหรับนิสัยการออมเงินของคนทั้ง 3 ประเทศ มีแนวคิดการออมเงินของชาตไหนที่คุณอยากจะนำมาเป็นแนวทางในการออมบ้างไหม

#การออมเงิน #วิธีเก็บเงิน #แนวทางการออมเงิน

Our Partner