บัตรเดรดิต ถ้ามีพกอยู่ในกระเป๋า แล้วใช้เป็น หมายถึงใช้แบบเข้าใจ และใช้อย่างคนฉลาดใช้ จ้ะมีประโยชน์มากมายกับการบริหารจัดการกับการเงิน เพราะแน่นอนที่สุด เราไม่ต้องไปหยิบยืมใครมาใช้ แต่ใช้เครดิตของตนเองที่มี แต่นั่นแหละอย่างที่บอกว่า ต้องใช้ให้เป็นไม่เป็นเช่น มันจะกลับมาทำร้ายตัวคุณเองจนแทบไม่มีความสุข

เทคนิคการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด
1.ทันทีที่ได้รับบัตรเครดิตใบใหม่ สิ่งที่คุณต้องทำคือ
– ดูวันที่ตัดยอดของบัตร และวันที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนแล้วเขียนไว้ที่หลังบัตร ด้วยกระดาษสติ๊กเกอร์แผ่นเล็กๆ หรือ ปากกาเมจิกที่ลบไม่ออก เช่น บัตรตัดยอดวันที่ 5 และชำรถยอดค่าใช้จ่ายทุกวันที่ 12 ให้เขียนว่า 5/12 และทำแบบนี้กับบัตรเครดิตทุกใบ
2.เมื่อได้รับรหัสกดเงินสด จากธนาคารเจ้าของบัตร ให้หาที่จดบันทึกไว้อย่างเป็นส่วนตัวที่สุด แต่ห้าม เขียนลงบนบัตร หรือเก็บรหัสไว้ในกระเป๋าเงินอย่างเด็ดขาด

วิธีการบริหารจัดการการใช้บัตรเครดิต
- ถ้ามีบัตรเครดิตหลายใบ ควรแยกกระเป๋าบัตรเครดิตจากกระเป๋าเงินต่างหากอีกใบ แล้วเรียงบัตรเครดิตจากวันที่ตัดยอดจากต้นเดือนไปหาปลายเดือนตามลำดับ
- หลักการใช้คือ เมื่อคุณจะใช้บริการของบัตรเดรดิต ไม่ว่าจะใช้ซื้อของ หรือกดเงินสดมาใช้ในยามฉุกเฉิน คุณต้องดูวันที่ตัดยอดของบัตรเป็นหลักว่าจะเลือกใช้ใบไหน เช่น คุณจะซื้อของหรือกดเงินสดในวันที่ 5 ของเดือนๆนั้น คุณก็ต้องเลือกบัตรเครดิตใบที่ตัดยอดไกลจากวันที่ 5 ให้มากที่สุด เพราะถ้าคุณเลือกใบที่ใกล้ คุณก็จะเป็นหนี้ และถูกสรุปยอดเรียกเก็บในทันที
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีบัตรเครดิต 3 ใบ
ใบที่ 1
ตัดยอดทุกวันที่ 5 ของเดือน
ใบที่ 2
ตัดยอดทุกวันที่ 10 ของเดือน
ใบที่ 3
ตัดยอดทุกวันที่ 20 ของเดือน
สมมุติว่าคือ คุณต้องการจะใช้บัตรเครดิตซื้อของ หรือ กดเงินสด
ฉุกเฉินในวันที่ 4 ของเดือน มกราคม คุณจะต้องเลือกใช้บัตรเครใบที่ 3 คือมีวันตัดยอดวันที่ 20 เพราะกว่าคุณจะถูกสรุปยอดและชำระยอดหนี้ก็ยังมีเวลาอีก 16 วัน และรอใบเรียกชำระหนี้อีกก็ตามรอบเก็บในเดือนหน้า แต่ถ้าคุณใช้บัตรเดรดิตใน 2 ลำดับแรก โดยเฉพาะใบที่ 1 ซึ่งตัดยอดในวันที่ 5 คุณก็จะถูก

สรุปยอดหนี้ในวันรุ่งขึ้นในทันที และก็จะถูกเรียกเก็บเงินในรอบที่จะถึงโดยเร็ว
โดยปกติ บัตรเดรดิตแต่ละใบจะมีรอบบัญชีเรียกเก็บอย่างน้อยหนึ่งเดือนถึง 55 วัน ถ้าคุณบริหารจัดการการใช้ดีๆ คือ สามารถจ่ายตรงเต็มยอดในวันที่เรียกเก็บ คุณจะเสมือนได้ยืมเงินไปใช้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย
-ดังนั้น ดูให้ดีก่อนใช้ว่ายอดที่ใช้จ่ายไป คุณสามารถจ่ายคืนได้เมื่อถึงวันที่ครบรอบจ่ายหรือเปล่า?
3.ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายคืนได้เต็มจำนวนตามยอดที่เรียกเก็บ จำไว้ว่าคุณต้องจ่ายเกินกว่ายอดขั้นต่ำเสมอ จะจ่ายมากหรือน้อยก็ให้มากกว่าการเรียกเก็บขั้นต่ำ เพราะมันจะช่วยให้ดอกเบี้ยที่เกิดและระยะเวลาผ่อนชำระสั้นลงอย่างน่าอัศจรรย์
ตัวอย่างเช่น คุณเป็นหนี้ เต็มจำนวน 5,000 บาท และถูกเรียกเก็บขั้นต่ำที่ 500 บาท ให้คุณจ่าย 1,000 บาท หรือแม้กระทั้งอย่างน้อย 600 บาท 700 บาท เท่าไหร่ก็ได้แต่ต้องมากกว่า 500 บาท เทคนิคนี้ คนที่เขาเคยมีชีวิตที่ล้มละลายมาเพราะบัตรเครดิต จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่มีบ้านจะอยู่เพราะถูกฟ้อง เขาแชร์ประสบการณ์มาโดยตรง
ถ้าหากคุณพลาดไปแล้วกับการเป็นหนี้บัตรเครดิต และไม่สามารถ
ชดใช้หนี้ได้ ต้องถูกโทรทวงถาม จนถึงขั้นถูกฟ้องขึ้นศาล จำไว้ว่าอย่าหนี เพราะความกลัวขึ้นศาล เพราะ มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ให้คุณรับความเป็นจริงรับโทรศัพท์ และไปขึ้นศาลตามนัด เพราะเมื่อคุณไปขึ้นศาล ยอดหนี้ที่คุณถูกฟ้องจะลดลงจากที่ทางธนาคารแจ้งไป เพราะเนื่องจาก ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะถูกปรับลดลง และทนายของฝ่ายธนาคารเจ้าของบัตรก็จะพูดคุยและให้โอกาสคุณในการปรับโครงสร้างหนี้ที่คุณสามารถจะรับมือไหว
เชื่อสิคนเป็นหนีบัตรเครดิต ไม่ใช่มาตรกรฆ่าคน คุณแค่คนที่เคยล้มเหลวในการจัดการทางการที่ดีทางเงินเท่านั้น สู้ๆนะ
#บัตรเครดิต #ใช้บัตรเครดิตอย่างไร #การลงทุน