1. ทุกคนที่เข้ามาเล่นหุ้นต้องมีความรู้
แน่นอนทุกคนที่จะเข้ามาเล่นหุ้นทุกคนล้วนที่จะมาเอากำไรจากตลาดหุ้นทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีคือ ความรู้ ถ้าคุณไม่มีความรู้คุณจะชนะตลาดไม่ได้ เอาแค่แข่งกับรายย่อยกันเอง คนที่มีความรู้มากกว่า ทำการบ้านมากกว่า เขาจะเป็นผู้ชนะ แล้วได้เงินตรงนั้นไป ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ลงทุนรายใหญ่อย่างสถาบัน กลุ่มนั้นเขามีเครื่องไม้เครื่องมือในการวิเคราะห์หุ้นที่ดีกว่าเรา ตรงนั้นเราแทบไม่ต้องไปพูดถึงเลย เราสู้กับเขาไม่ได้แน่ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้ บางคนเข้ามาอยากจะได้เงินจากตลาดหุ้นเยอะๆ แต่ไม่ได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ คุณทำงานประจำคุณก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตลาดหุ้นเช่นกัน คุณก็ต้องทำแบบนั้น ไปดูนักลงทุนที่เขาประสบความสำเร็จ วันๆหนึ่งเขาใช้เวลาหลายชม.เพื่อศึกษาในเรื่องหุ้น
2.ลงทุนเริ่มแรกไม่จำเป็นต้อนใช้เงินเยอะ แต่ลงทุนเพื่อนการฝึกและศึกษา
หลายคนที่เข้ามาเล่นใหม่ๆ พยายามอัดเงินเข้าไปเยอะๆเพื่อที่จะให้ได้กำไรเยอะๆ โดยที่ตนเองยังไม่มีความพร้อม ยังไม่มีความรู้ที่เพียงพอ ผลลัพธ์คือ ขาดทุน เจ๊งเป็นระนาว ดังนั้นควรลงไปในจำนวนหนึ่ง เพื่อศึกษา เพื่อดูว่า ตลาดหุ้นเป็นอย่างไร ธรรมชาติของหุ้นเป็นอย่างไร คุณต้องลองขาดทุนก่อน เพื่อคุณจะได้รู้ว่า คุณจะรับความเสี่ยง หรือทนกับการขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน และพอคุณฝึกตรงนี้ได้อย่างเข้าใจแล้ว ค่อยเพิ่มจำนวนเงินคือเข้าไป ฝึก หาประสบการณ์ให้ได้กำไร พอได้กำไรแล้วค่อยเพิ่มการลงทุนก็ยังไม่สาย

3.หุ้นทุกตัวในตลาดหุ้น ล้วนมีคนทำราคาคุมอยู่ หรืออาจจะเรียกว่ามีเจ้ามือนั่นเอง
ที่คุณเห็นคุณมันขึ้นๆๆๆ นั่นก็มาจากฝีมือของคนทำราคา และยังมีปัจจัยของผลประกอบการที่ดีของบริษัทเป็นตัวสนับสนุนอีกทาง และวันใดวันหนึ่งที่เจ้ามือ หรือคนที่คุมหุ้นรายใหญ่เขาเลิกเล่นหุ้นตัวนั้น แล้วเอากำไรออกไป หุ้นตัวนั้นจะลงเรื่อยๆลงจนน่าตกใจ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องตัดใจจากหุ้นตัวนั้นเสีย เพราะมันไม่มีทางที่จะวิ่งกลับไปในราคาสูงสุดแบบเดิมที่มันเคยเป็น ถ้าคุณติดอยู่ตรงนั้นรีบออกมาเพื่อรักษาเงินต้นที่มีอยู่ แล้วเอาเงินตัวนี้ไปลงทุนกับหุ้นตัวอื่น
4.คนเล่นหุ้นต้องศึกษาเรื่อง CUT LOSS
เพราะธรรมชาติของหุ้นเมื่อถึงขาลงจะลงเร็ว เหมือนคำที่เขาชอบพูดกันว่า หุ้นนี่เวลาขึ้นเหมือนเดิมขึ้นบันได แต่เวลาลงเหมืองลงลิฟท์ที่ขาด ที่เป็นเช่นนั้นปัจจัยอยู่ที่คนขาย ที่ขายแบบไม่รู้ราคา ขายแบบหน้ามืด ไม่สนราคา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้นทุนต่ำๆ ขายได้กำไรนิดหน่อยเขาก็ขาย การศึกษาเรื่อง CUT LOSS จะทำให้คุณจะอยู่ในตลาดหุ้นได้นาน เพราะถ้าคุณไม่รู้จัก CUT LOSS คุณก็จะติดอยู่ตรงนั้น และไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปี ราคาหุ้นมันถึงจะกลับไปเท่าทุนตอนที่เริ่มต้นถือ หรือไม่กลับมาอีกเลย ดังนั้นสำคัญมากที่คุณต้อง CUT LOSS ให้เป็น

5.อย่าเล่นหุ้นตามข่าว
ในตลาดหุ้นมักจะมีข่าวออกมาเสมอ ทั้งข่าวดีและข่าวร้าย และคนที่เล่นหุ้นตามข่าว ส่วนมากมักจะเจ๊ง เพราะข่าวดีที่ปล่อยออกมาก็เพื่อมารองรับเหตุผลของราคาหุ้นที่ขึ้นไปแล้ว ดังนั้นคนที่เล่นตามข่าว ที่ไม่ได้ซื้อตั้งแต่ต้น แล้วมาซื้อตอนข่าวดีมันแปลว่าคุณกำลังซื้อหุ้นที่ราคาสูง เช่นเดียวกันถ้าคุณขายหุ้นตามข่าวร้าย ยิ่งออกข่าวร้ายคนก็ยิ่งขายหุ้นออกไป ส่วนใหญ่การออกข่าวร้าย นั่นหมายถึงเขาจะทิ้งตัวเป็นครั้งสุดท้าย จึงมักเกิดการตื่นตะหนกแย่งกันขาย หุ้นก็ยิงลง คนก็ยิ่งกลัว ทีนี้คุณก็จะตกหลุมพรางขายหุ้นไปในที่สุด คราวนี้หุ้นมันก็จะเด้งขึ้น เพราะมันเป็นจุดต่ำสุดของหุ้นตัวนั้นแล้ว ดังนั้นจงใช้ความรู้ จิตใจและสมองของคุณเองในการวิเคราะห์ อย่าเล่นหุ้นตามข่าวดีหรือข่าวร้าย
6. คุณไม่มีทางที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำที่สุด และไม่มีทางที่จะขายหุ้นได้ในราคาที่สูงที่สุดอย่างเด็ดขาด
เช่นบางคนขายหุ้นไปแล้วในราคาที่พอใจในจุดนั้น แต่พอขายไป ราคาหุ้นก็ยังคงขยับขึ้นสูงไปอีก เขาก็ยังไล่ตาม ดังนั้นตรงนี้ถ้าคุณพอใจที่จะขายไปเท่าไหร่แล้วก็หยุดตรงนั้นไม่ต้องไปวิ่งตาม ไปเล่นหุ้นตัวอื่นต่อไปดีกว่า ในทางกลับกันที่คุณคิดว่าคุณซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุดถูกสุดแล้ว มันก็จะมีราคาที่ต่ำกว่าที่คุณซื้ออีกไม่มีทีสิ้นสุด ทางที่ดีคุณควรต้องรอให้หุ้นกลับตัว แล้วคุณค่อยตามซื้อตอนนั้นจะดีกว่า เพราะเป็นช่วงที่ความเสี่ยงจะต่ำมาก
7.ไม่มีใครหวังดีกับคุณในตลาดหุ้นอย่างแท้จริง
เพราะทุกคนก็จะมาเอาเงินจากคุณทั้งนั้น แม้กระทั่ง โบรกเกอร์ หรือ มาร์เก็ตติ้งของคุณที่คอยเชียร์คุณซื้อ เชียร์คุณขาย เขาก็ต้องการค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายหุ้นของคุณ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือคุณต้องมีความรู้ มีความมั่นใจ และศึกษาเรื่องหุ้นด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเองให้ได้ คุณถึงจะอยู่รอดในตลาดหุ้นไปได้นานๆและมีกำไร

8.อย่าลอกเลียนแบบคนที่คุณเห็นว่าเขามีความสำเร็จในตลาดหุ้น แล้วเล่นตามเขา คุณไม่มีทางสำเร็จ
เพราะคนทุกคนมีการยอมรับระดับความเสี่ยงได้มากน้อยไม่เท่ากันมีปัจจัยในการตัดสินใจที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อจะเล่นหุ้นคุณต้องมีสไตล์ของตัวเอง
9.ในการเล่นหุ้นนอกจากความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว การมีจิตใจที่เข้มแข็งยอมรับ
คุณต้องฝึกการรับการเปลี่ยนแปลง ต้องมีความ ทนทั้งขาดทุน ทนทั้งกำไรให้ได้ ทนขาดทุนก็คือ สภาวะการทุน ทนกำไรคือทนที่จะยังไม่ขายเอากำไร เพื่อรอโอกาสที่จะได้กำไรที่ดีกว่า ทุกกรณีอย่างนี้ คุณต้องฝึกที่จะทนให้ได้ถ้าจะเล่นหุ้นให้อยู่ได้ยาวนาน
สุดท้ายคุณต้องเลือกเอาว่า คุณจะเข้าไปในตลาดหุ้นในฐานะนักลงทุนที่มีความรู้ ความเข้าใจในตลาดหุ้น หรือ เข้าไปแบบนักพนันที่หวังเสี่ยงโชคเพื่อรวย คุณเลือกได้เอง
#หุ้น #เทคนิคการเล่นหุ้น #การลงทุน