ลงทุนในโลหะเงินได้เหมือนโลหะทองจริงหรือ และปัจจัยทีจะส่งผลกระทบราคาโลหะเงินและโลหะทอง

ลงทุนในโลหะเงินได้เหมือนโลหะทองจริงหรือ

มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ เป็นประโยคสัพยอกที่คุ้นหูกันมานาน เพราะคนไทยคุ้นเคยกับการลงทุนในทองคำ แต่วันนี้เราจะมาคุยเรื่องการลงทุนในโลหะเงิน ซึ่งบางท่านอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การลงทุนในโลหะเงินนั้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับการลงทุนในทองคำ และถ้าเราทำความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนเงินดีๆ จับจังหวะในการลงทุนเงินดีๆ อาจจะเกิดประโยคใหม่ๆขึ้นมาว่า “ มีเงินเรียกเรียกพี่ มีทองคำเป็นแค่น้องก็พอ” ก็เป็นไปได้นะ ไม่เชื่อมาดูกัน

            อย่างแรกมาดูราคาทองคำ กับโลหะเงินกันก่อน ทิศทางของราคาโลหะเงินจะเห็นว่า เมื่อไหร่โลหะทองขึ้น โลหะเงินก็ขึ้นไปด้วย เวลาที่โลหะทองลง โลหะเงินก็ร่วงลงมาเช่นกัน

นั่นหมายความว่าถ้าเราเข้าใจในการลงทุนทองคำอยู่แล้ว การที่จะทำความเข้าใจในการลงทุนโลหะเงินไม่ใช่เรื่องยาก  รวมทั้งปัจจัยที่จะมากระทบนั้นก็แทบจะไม่ต่างกันเลย ปัจจัยทีจะส่งผลกระทบราคาโลหะเงินและโลหะทอง

1.ความไม่แน่นอน

โดยทั่วไปนิสัยนักลงทุนทั้งโลกเหมือนกันคืออะไรที่เกิดความไม่ชัดเจนไม่แน่นอนก็จะตกใจ แล้วก็จะโยกเงินที่ลงทุนไปพักในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแทนซึ่งก็รวมถึงโลหะทองคำและโลหะเงินด้วยซึ่งตอนนี้ข่าวร้ายก็มาครบเซ็ตเลย ธุรกิจชะลอตัว ตั้งแต่เกิดโควิด-19 รวมไปถึงสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี สารพัดเรื่อง ซึ่งทองคำก็เป็นพระเอกเพราะขึ้นมา 400 เหรียญบวกขึ้นมาประมาณ 30 % แต่โลหะเงินนั้นขึ้นมามากกว่า เพราะขึ้นมาภึง 35 % จึงไม่แปลกที่นักลงทุนต่างก็บอกว่า ทั้งโลหะเงินและโลหะทองเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

2.เงินล้นโลกอัตราดอกเบี้ยต่ำ

นั่นคือนโยบายการเงินของรัฐบาลประเทศต่างๆ ซึ่งจริงๆก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะว่าในปีนี้เป็นปีที่พิเศษ เจอกันทั้งโลก ทำให้แต่ละประเทศแต่ละธนาคารกลางอยู่เฉยไม่ได้ ต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบรวมไปถึงการใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้แย่ไปกว่านี้ ทำให้เงินล้นระบบ พอเงินล้นระบบก็ต้องหาที่ไป โลหะทองคำและโลหะเงินเลยได้รับอานิสงส์ไปด้วย

3.ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า

ปัจจุบันค่าเงินดอลล่าร์ของสหรัฐอ่อนค่าลง นั่นเป็นผลบวก เพราะโดยทั่วไปนักลงทุนจะเปรียบเทียนว่า โลหะเงินและทองคำคล้ายๆสกุลเงิน พอไปเรียบเทียบว่าแนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์กำลังอ่อนค่า งั้นก็โยกเม็ดเงินไปลงทุนสินทรัพย์ตัวอื่นก่อนแล้วกัน ซึ่งก็คือโลหะเงินและโลหะทองคำนั่นเอง และยังเรื่องของนโยบายผู้นำสหรัฐคนใหม่ คุณโจ ไบเดน จะอัดฉีดเม็ดเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า 2 ล้านๆเหรียญสหรัฐในขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ฟื้นตัวจากโควิดทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ของสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงไปได้อีก ทำให้โลหะทองคำ และโลหะเงินสามารถไปต่อได้

4.ความต้องการในตลาดโลก

เป็นปัจจัยอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันซึ่งความต้องการมาจาก 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกมาจากเครื่องประดับ ส่วนที่ 2คือจากธนาคารจากทั่วทุกมุมโลก ส่วนที่ 3 มาจากทางด้านภาคอุตสาหกรรม

และในปัจจุบันมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโลหะเงินและโลหะทองคำจำนวนมาก และในมุมหนึ่งที่อาจจะนำมาแบ่งปันเพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในครั้งต่อไปคือ ในการลงทุนในโลหะเงินอาจจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าทองคำ แล้วพบกันในบทความต่อไป “เหตุผลผลที่ทำให้การลงทุนในโลหะเงินให้ผลตอบแทนได้มากกว่าทองคำ”

แล้วคุณจะหลงรักการลงทุนในโลหะเงิน

Our Partner