เหตุผลที่ทำให้โลหะเงินจึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนได้มากกว่าทองคำ

เหตุผลที่ทำให้โลหะเงินจึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนได้มากกว่าทองคำ

เราเคยได้แนะนำและพูดถึงการลงทุนสินทรัพย์ในโลหะเงินไปกันบ้างแล้ว ทีนี้มาดูว่าทำไมจึงมีแระแสของการลงทุนที่ว่า การลงทุนในโลหะเงินจึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนได้มากกว่าทองคำ ไปดูเหตุผลของการเกิดกระแสนี้ ว่ามันมีความเป็นไปได้อค่ไหนอย่างไรกัน

เหตุผลที่ 1 โลหะเงินมีราคาต่อหน่วยถูกกว่าทองคำ สมมุติว่าอยากซื้อทองคำสักทรอยออนซ์หนึ่ง ราคาก็จะอยู่ที่ 1,800 -1,900 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าเป็นโลหะเงินนั้นถูกกว่ามากอยู่ที่ 24 -26 เหรียญ คือแค่ต่อหน่วยก็ลงทุนเล็กว่าแล้ว

ซึ่งในแง่จิตวิทยาของนักลงทุนเวลาที่จะควัดเงินไปลงทุนมันก็สบายใจมากกว่า ในขณะเดียวกันสมมุติว่าเรามองทิศทางก็มีทิศทางที่ไปต่อได้เหมือนกันถ้าโลหะทองขึ้นโลหะเงินก็ขึ้น ถ้าโลหะลงโลหะทองคำก็ลง ทิศทางเหมือนกันแต่ความตื่นเต้นความเร้าใจในโลหะเงินมากกว่า เพราะตัวของโลหะเงินเล็กกว่าเขยิบทีหนึ่งคืดเป็น % ก็สูงกว่า

เหตุผลข้อที่สอง โลหะเงินผันผวนมากกว่า ตามสถิติย้อนหลังโลหะเงินนั้นได้เหวี่ยงได้ตั้งแต่ 17-46 % ในขณะที่ทองคำอยู่ที่ 10-20 %นั่นหมายความว่า โลหะเงินผันหวนมากกว่า ขึ้นก็ขึ้นเยอะกว่า เวลาลงก็มีโอกาสจะร่วงลงมาเยอะกว่าเช่นกัน

อันนี้เป็นดาบสองคมนะ แน่นอนว่าถ้าคิดถูกไม่เป็นไร ลงทุนในโลหะเงินยังไงก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ถ้าเราคิดผิดโอกาสเจ็บตัวก็เยอะกว่าเหมือนกันนะ ดังนั้นจึงต้องทำการบ้านให้ดีที่สุด

เหตุผลข้อที่ 3 โลหะเงินมีความต้องการในภาคอุตสาหกรรมมาก

ตามสถิติที่เห็นจะพบว่าโลหะเงินมีความต้องการในเรื่องเครื่องประดับมากขึ้นเรื่อยๆในแระเทศจีน อินเดีย และในประเทศไทย และยังไม่นับความต้องการในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

            .ในอนาคตความต้องการโลหะเงินจะสูงมากขึ้นอีก ถามว่ามาจากไหน ก็มาจาก เทคโนโลยี 5 G  รถยนต์ไร้คนขับ รถยนต์พลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า อะไรที่มันเป็นไฮเทคทั้งหลาย ส่วนประกอบมันคือโลหะเงิน นั่นหมายความว่าโอกาสที่ต้องการสูงยังมีอีกเยอะ ซึ่งเหมืองแร่โลหะเงินส่วนใหญ่จะอยู่ที่ลาตินอเมริกา และจะเห็นว่าแต่ละประเภทเจอศึกหนัก ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด 19 ได้ ดังนั้นในระยะสั้น ระยะกลาง มีโอกาสที่ดีมานด์จะมากกว่า ซัพพลาย ดังนั้ราคาจึงสามารถไปต่อได้

            เหตุผลข้อที่ 4 โลหะเงินมาช้า แต่มานะ ข้อสังเกตจะเห็นว่าโลหะเงินกว่าจะออกตัวได้ ช้ากว่าทองคำ แต่พอโลหะเงินวิ่งจะวิ่งแรงและแซงทางโค้งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าทองคำเยอะมาก แต่กว่าจะวิ่งทองคำจะออกตัวก่อนแล้ว

โลหะเงินถึงจะตามมาและมาแรงเสียด้วย…นั่นเป็นเพราะว่า ทองคำ นั่นเป็นเพราะว่าทุกคนในโลกใบนี้มีความคุ้นเคยการลงทุนในทองคำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พอเห็นอะไรที่ผันผวนเข้าไปลงทุนในทองคำก่อนทองคำก็เลยวิ่งออกตัวไปก่อน

            เหตุผลข้อที่ 5 มีโอกาสได้รับผลบวกจากนโยบายของ โจ ไบเดน ประธานนาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา เพราะเขาเคยกล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันนั้นสร้างมลพิษอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นควรที่จะค่อยๆใช้พลังงานทดแทน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาชูนโยบายพลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและจะลงทุนพวกกลุ่ม 5 G เทคโนโลยีก็จะมา โซล่าเซลล์ก็จะมา ซึ่งส่วนหนึ่งของแผลงโซล่าเซวล์ก็คือ โลหะเงิน ซึ่งความต้องการในโลหะต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ

            เหตุผลข้อที่ 6 Gold  Silver Ratio โลหะเงินยังมี Upside คือการเอาราคาทองคำหารด้วยโลหะเงินแล้วเอามาทำกราฟเป็นสัดส่วนที่แสดงให้เห็นว่าต้องใช้โลหะเงินเท่าไหร่ จึงจะซื้อ 1 ทรอยออนซ์ได้

ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ให้เก็บข้อสรุปที่ว่าทั้งโลหะทองคำและโลหะเงินกำลังเป็นขาขึ้น ไว้ในใจก่อนแล้วมาดูอัตราส่วนนั้นเป็นอย่างไร ที่บอกว่าอัตราส่วนที่บอกว่าตัวเลขสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา อย่าลืมว่าทั้งโลหะทองและโลหะเงินเวลามันขึ้นมันจะล้อๆกันไป ถ้ามันสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมานั่นแปลว่าทองคำมันวิ่งไปแล้ว

ทองคำมีโอกาสที่จะไปต่อได้ แต่โลหะเงินก็มีโอกาสที่จะวิ่งแซง สรุปคือโลหะเงินมานะ แต่จะมาแรง จึงมีโอกาสทำกำไรได้สูง อย่างไรก็วิเคราะห์และตัดสินใจให้ดีๆ เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่ ใครที่เห็นโอกาสการลงทุนในทองคำ ลองเปิดใจลงทุนในโลหะเงินบ้างก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าเสี่ยงนะ

Our Partner